top of page

ธัญพืช..อาหารชั้นเลิศสำหรับมนุษย์

เมล็ดธัญพืช คือของขวัญที่พระเจ้าได้ประทานให้แก่มนุษย์มาตั้งแต่ในสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มนุษย์ทั่วทุกมุมของโลกก็ยังคงบริโภคธัญพืชเป็นอาหารหลักมาทุกยุคทุกสมัย เมล็ดธัญพืชที่พระเจ้าประทานให้นั้น "มีลักษณะเป็นเม็ดสีขาว เหมือนเมล็ดผักชี มีรสเหมือนขนมปังผสมน้ำผึ้ง นำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายแบบ ทำได้ทั้งปิ้งและต้ม" จวบจนปัจจุบันนี้ ร่องรอยอารยธรรมก็ยังคงสืบทอดกันมาเป็นธัญพืชที่เราได้รับประทานกัน ไม่ว่าจะเป็น "สเปลต์" จากดินแดนเมโสโปเตเมีย "ข้าวบาสมาติ" จากอินเดีย "ลูกเดือย"จากแผ่นดินจีน หรือแม้แต่ "ข้าวหอมมะลิ" จากประเทศไทย ธัญพืชมีความหลากหลายมากดั่งเช่นอารยธรรมของมนุษย์ จึงมีหน้าตา รสชาติ และวิธีการปรุงแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมนั้นๆ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับธัญพืชชนิดอื่นๆที่นอกเหนือจากข้าวของเรากันนะคะ

ธัญพืช 1.jpg

ข้าวสาลี (Wheat) เป็นธัญพืชที่มีปลูกกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก ปลูกมากเป็นอันดับ 2 รองจากข้าวโพด เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ นิยมบริโภคกันมากในอเมริกาและยุโรป เมล็ดข้าวสาลีมีเปลือกแข็ง ต้องผ่านกระบวนการสีก่อนจึงจะนำมาบริโภคได้ หรือนำไปเป็นวัตถุดิบเพื่อการแปรรูป เช่นแปรรูปเป็นแป้งเพื่อนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เช่น ขนมปัง เส้นพาสต้า บะหมี่ เป็นต้น ขึ้นอยู่กับชนิดของสายพันธุ์ต่างๆ คือ Durum : มีเปลือกแข็งมาก เมล็ดใส สีอ่อน นิยมนำมาแปรรูปเป็น แป้งเซโมลินา เพื่อนำไปทำเส้นพาสต้า ให้โปรตีนสูง Hard Red Spring : มีเปลือกแข็ง สีน้ำตาลอมแดง มีโปรตีนสูง นำมาแปรรูปเป็นแป้งสาลี เพื่อนำไปทำขนมปัง และขนมอบอื่นๆ Hard Red Winter : มีเปลือกแข็ง สีน้ำตาลอมแดง มีโปรตีนสูง นำมาแปรรูปเป็นแป้งสาลี เพื่อนำไปทำเป็นพาย ขนมปัง Soft Red Winter : มีเปลือกบาง มีปริมาณโปรตีนไม่สูงมาก นำไปแปรรูปเป็นแป้ง เพื่อทำเป็นแป้งเค้ก บิสกิต มัฟฟิน Hard White : มีเปลือกแข็ง สีอ่อน เมล็ดขุ่น มีปริมาณโปรตีนปานกลาง นิยมนำไปหมักบ่มให้เป็นแอลกอฮอล์ เพื่อทำเบียร์ Soft White : มีเปลือกบาง สีอ่อน ปริมาณโปรตีนต่ำ เหมาะนำไปทำเป็นแป้งพาย แป้งเค้ก ข้าวสาลีมีคุณค่าทางอาหารคือ มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรตสูง และมีวิตามินที่สำคัญต่อร่างกายหลายชนิด

ธัญพืช 2.jpg

ข้าวบาร์เลย์ (Barley) เป็นธัญพืชสำคัญที่ใช้ในการหมักบ่มเบียร์ เพื่อให้ได้เป็นข้าวมอลต์ ซึ่งจะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์และใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ข้าวบาเลย์อุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ มีกรดอะมิโน 8 ชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย และยังมีไฟเบอร์สูง จึงเหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพ และต้องการควบคุมน้ำหนัก บาร์เลย์ที่ไม่ถูกขัดสี จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี และลดไขมันในเลือดด้วย จึงนิยมนำมาทำซุป และสตูว์

ธัญพืช 3.jpg

บัควีท (Buckwheat) บัควีท มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่แพร่หลายไปในจีน ญี่ปุ่น เอเชียกลาง และเข้าสู่ยุโรป กลายเป็นอาหารสำคัญของโลกอีกชนิดหนึ่ง บัควีทไม่ใช่ข้าวสาลี ดังนั้นจึงไม่มีสารกลูเตนเป็นส่วนประกอบ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานกลูเตนได้ จึงนิยมนำมาทำเป็นแป้งชนิดต่างๆ เช่นแป้งเค้ก แป้งแพนเค้ก ไว้ทดแทนแป้งสาลี แต่ที่เราคุ้นเคยกันดีก็คงจะเป็น เส้นโซบะ ของญี่ปุ่นที่ทำจากบัควีท จะให้สัมผัสที่เหนียวหนุบเป็นพิเศษ แตกต่างจากบะหมี่หรือเส้นพาสต้าที่ทำจากแป้งสาลี บัควีท มีไฟเบอร์ และกรดอะมิโนจำเป็นครบ 8 ชนิด รวมทั้งมีวิตามินบี ธาตุเหล็ก และแมกนีเซียม มีสารอาหารที่สำคัญต่อระบบการไหลเวียนโลหิตของร่างกาย และยังมีคุณประโยชน์ในการลดคลอเรสเตอรอลอีกด้วย

ธัญพืช 4.jpg

ลูกเดือย (Job's Tear) ลูกเดือยเป็นอาหารที่แพร่หลายของชาวเอเชียตะวันออก โดยชาวญี่ปุ่นจะรับประทานเป็นข้าว ชาวเกาหลีนิยมนำมาบดแล้วชงดื่มคล้ายชา ส่วนชาวจีนมักจะรับประทานเป็นของหวาน ในบ้านเราซึ่งรับอิทธิพลจากจีนมา ก็นิยมทานเป็นของหวานเช่นกัน ลูกเดือย เป็นพืชที่ให้คาร์โบไฮเดรตสูง มีโปรตีน และแร่ธาตุต่างๆ โดยเฉพาะฟอสฟอรัส ที่มีอยู่ในปริมาณสูง ช่วยบำรุงกระดูกได้ดี มีวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา

ธัญพืช 5.jpg

ข้าวฟ่าง (Millet) เป็นหนึ่งในอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ มีปลูกกันอย่างแพร่หลายทั้งในเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ข้าวฟ่างมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยโปรตีน มีไฟเบอร์ ประกอบด้วยวิตามินบี อี ไนอาซิน กรดอะมิโน ธาตุเหล็ก และกรดไฟติก ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง อีกทั้งในข้าวฟ่างยังปราศจากสารกลูเตน จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานกลูเตนได้ ข้าวฟ่างมีรสชาติหวานอ่อนๆ นำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารในหลายเมนู เช่น พิลาฟ ซูฟ์เฟล่ สตูว์ ซุป ส่วนในบ้านเรา นิยมนำมาทำเป็นขนมหวาน จำพวกข้าวฟ่างเปียกน้ำกะทิ ข้าวฟ่างกวน เคล็ดลับในการปรุงข้าวฟ่างให้ได้กลิ่นหอมมากขึ้น คือนำข้าวฟ่างไปคั่วให้พอมีกลิ่น ก่อนนำไปแช่น้ำ แล้วนำไปปรุงเป็นอาหารต่อไป

ธัญพืช 6.jpg

ข้าวโอ๊ต (Oat) ชาวยุโรปนิยมรับประทานข้าวโอ๊ตเป็นอาหารหลัก และเป็นธัญพืชที่สำคัญรองจากข้าวสาลี เราสามารถรับประทานข้าวโอ๊ตทั้งเมล็ดได้ ไม่ต้องนำไปบดจนเป็นผงแป้งเหมือนข้าวสาลี ข้าวโอ๊ตที่นำมาประกอบอาหารส่วนใหญ่จะเป็นแบบ flakes หรือ rolled oats นิยมรับประทานเป็นโจ๊ก หรือเป็นส่วนประกอบของขนมอบ เช่น เค้กข้าวโอ๊ต คุกกี้ข้าวโอ๊ต หรือขนมปังข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตเป็นธัญพืชที่มีโปรตีนสูง มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม มีไฟเบอร์สูง ไฟเบอร์ในข้าวโอ๊ตมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยดูดซึมของเสียจากลำไส้ได้ดี อีกทั้งแป้งในข้าวโอ๊ต ยังย่อยง่ายอีกด้วย สำหรับคนที่ท้องผูกจึงสามารถรับประทานข้าวโอ๊ตได้ดี ยังมีธัญพืชอีกมากมายหลายชนิดที่มีประโยชน์ และนิยมรับประทานกันบนโลกใบนี้ จะขอรวบรวมมานำเสนอให้เพื่อนๆในโอกาสต่อไปนะคะ

bottom of page